8/7/53

เรื่องย่อปุลากง

เรื่องย่อ : ปุลากง

เข้ม ( ศกร ) เป็นเด็กชายวัย 14 ปี รูปร่างผอมสูง เข้มเป็นลูกของนางแพงศรี กับคุณอรรถ ซึ่งคุณอรรถมีภรรยาหลวงอยู่แล้วคือคุณฉะอ้อน และมีลูกกับคุณฉะอ้อนถึง 4 คน คือคุณปุ้ม หรือคุณอัมพิกา คุณอดิศรลูกชายคนที่ 2 คุณอนันต์ ลูกคนที่ 3 และคุณอรนุช ลูกสาวคนสุดท้อง เข้มเรียกคุณอัมพิกาว่าพี่เพียงคนเดียว เพราะเธอเป็นคนใจดี คุณปุ้มเรียนเปียโนกับคุณพิรุณ ครูพิรุณทำงานหาเลี้ยงตัวเองกับหนูตุ่น ( ศุภรา )ที่เป็นลูกสาวโดยการรับจ้างสอนเปียโน เข้มถูกเลี้ยงดูมากอย่างลูกที่ขาดความอบอุ่นและไม่ได้รับความยุติธรรมจากพ่อ นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เข้มกลายเป็นคนเจ้าอารมณ์ พูดจาห้วน และหน้าตาไม่แจ่มใส กิริยาก็ค่อนข้างกระด้าง เมื่อคราวจำเป็นต้องใช้เงินเป็นค่าเทอม เข้มจะหารายได้พิเศษโดยการรับจ้างเล่นการพนันในบ่อนของเมียตำรวจ แต่เข้มไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง นอกจากคุณปุ้ม ในที่สุดเธอก็บอกให้คุณพ่อทราบ ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่เข้มและกวง เพื่อนชาวจีนของเข้ม ไปเล่นไพ่และเกิดเรื่องเจ้ามือถูกยิงตาย แต่เข้มกับกวงหนีออกมาได้ เข้มมีปากเสียงกับพ่ออย่างรุนแรง
เข้มให้สัญญากับแม่ว่าจะไม่หาเงินด้วยวิธีแบบนี้อีก ต่อมาเข้มสอบเข้าโรงเรียนนายร้อยตำรวจได้ และอยู่ประจำนานๆจึงจะได้กลับบ้านสักครั้ง จึงได้รู้ความเปลี่ยนแปลงภายในบ้าน เข้มได้ไปเยี่ยมกวง เขาได้รู้ว่ากวง ติดยาเสพติดอย่างหนัก เข้มจึงรีบนำตัวกวงส่งโรงพยาบาลเพื่อรักษา และสัญญาว่าเมื่อเรียนจบจะรับกวงไปอยู่ด้วยกัน รุ่งเช้าเข้มรับกวงไปส่งที่โรงพยาบาลหลังจากนั้นจึงไปนั่งเล่นที่แถวท่าพระจันทร์ ขณะสั่งน้ำดื่มเข้มเห็นหนูตุ่นซึ่งขณะนี้เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มากับเพื่อนชาย ทำให้เข้มนึกถึงเรื่องราวในอดีต เขากลับถึงบ้านและเล่าให้แม่ฟัง ก็ได้รู้ว่าเพื่อนชายคนนั้น ชื่อวีรุทย์ หลังเรียนจบ กลุ่มเพื่อนพากันไปฉลองตามแบบของพวกผู้ชาย เพื่อนเข้าใจเข้มจึงให้เลือกเฟ้นผู้หญิงให้เข้ม แต่เขาปฏิเสธ เพราะเขามีความรู้สึกฝังลึก เรื่องแม่ซึ่งถูกกระทำไม่ผิดอะไรกับนางบำเรอเช่นกันมาตั้งแต่เขายังเด็ก เข้มเคยคิดว่าหากเขามีครอบครัว เขาจะรักลูกเมียและจะไม่ทำให้เสียใจดังเช่นที่ตนเคยได้รับจากมาแล้วอย่างเด็ดขาด เพราะมนุษย์มีจิตใจ มิได้มีเพียงความต้องการแค่มีข้าวกิน ส่งเสียให้เรียน มีบ้านให้อยู่ ดังเช่นที่พ่อเข้าใจ และมักจะตอกย้ำเขาอยู่เสมอ ความสัมพันธ์ของเข้มกับพ่อจึงเป็นแค่เพียงผู้มีพระคุณแต่สายสัมพันธ์ทางใจกลับเลือนหาย เข้มปฏิเสธการรับทุนเพื่อไปศึกษาต่อด้านการสืบสวนยังต่างประเทศ เพราะเขาไม่ต้องการรับความช่วยเหลือใดๆจากพ่ออีก เขาหวังเพียงแค่เรียนจบ แล้วออกไปทำงานยังต่างจังหวัดเพื่อให้พ้น เข้มต้องการจะพาแม่ไปจากบ้านหลังนั้นด้วย แต่แม่กลับปฏิเสธและให้เหตุผลว่า ถึงอย่างไรแม่ก็รักพ่อ ยังเป็นเมียของพ่ออยู่ไม่อาจจะทำเช่นนั้นได้ แม้เข้มจะขาดความรักจากพ่อ แต่เขาก็ได้รับการถ่ายทอดความหยิ่งทระนงและมีความภูมิใจในบรรพบุรุษจากตา ซึ่งบรรพบุรุษของตาเคยเป็นถึงเจ้าเมือง ทำให้เข้มจดจำคำสอนของตาและยึดถือปฏิบัติเสมอมา ส่วนหนูตุ่นหลังจากเรียนจบสังคมสงเคราะห์ศาสตร์และครุศาสตร์ภายหลังแม่เสีย เพราะถูกรถชน หนูตุ่นตัดสินใจไปเป็นนักพัฒนากร ตำบลปุลากง อำเภอยะหริ่ง ส่วนวีรุทย์อยู่ที่อำเภอมายอ โดยบ้านก็ให้เช่าไป ปุลากงเป็นตำบลที่เป็นชุมชนของไทยอิสลาม พูดภาษามลายูทั้งหมู่บ้าน มีคนพูดภาษาไทยได้น้อยมาก ประชาชนมีอาชีพทำนา ไม่มีร้านค้า ทั้งตำบลมีโรงเรียนเดียว ทางด้านอนามัยไม่มีส้วม เด็กเป็นโรคหิดและโรคผิวหนังมากที่สุด สิ่งที่เธอได้รับมิใช่เงินเดือนซึ่งเป็นค่าตอบแทนเพียงน้อยนิด แเต่เป็นความภาคภูมิใจที่ได้และมีส่วนเป็นบุคคลที่มีค่าในวงสังคมเพื่อนร่วมชาติ เมื่อศุภรา มาถึงปุลากง ก็ได้เข้าพักที่บ้านครูใหญ่และได้สนิทสนมกับคอดีเยาะลูกสาวของครูใหญ่ วันรุ่งขึ้นงานซ่อมถนนก็เริ่มต้นขึ้น ช่วงบ่ายคณะเจ้าหน้าที่ตามครูใหญ่มาเยี่ยมปุลากง มีนายอำเภอ หัวหน้าศูนย์ฯ และร้อยตำรวจเอกศกร ( เข้ม ) ซึ่งเพิ่งย้ายมาประจำที่ยะหริ่งได้ 6 เดือน เมื่อได้รับการแนะนำศุภราจึงจำได้เข้มได้ว่าเป็นคนข้างบ้านเก่านั่นเอง วีรุทย์ได้มาเยี่ยมศุภราจึงได้พบกับเข้ม วีรุทย์ชื่นชมเข้มที่เป็นตำรวจที่ดี ซึ่งหายาก หลังจากงานซ่อมถนนเสร็จ หนูตุ่นสอนให้นักเรียนกำจัดเหา และตระเตรียมการสร้างส้วมประจำโรงเรียน นะพีหายไปตอนครูใหญ่มาบอกข่าวเรื่องจะมีโจรผ่านมาทางหมู่บ้านให้ทุกคนระวังตัว ตอนค่ำมีตำรวจมาลาดตระเวน ครั้งตกดึกก็มีการยิงปะทะกัน หลังจากเสียงปืนสงบ เข้มมาขอพักที่บ้านครูใหญ่ เพราะมีตำรวจได้รับบาดเจ็บ เข้มขอให้หนูตุ่นทำแผลให้ที่แขน พร้อมเล่าเรื่องโจรให้ฟัง รุ่งขึ้นตำรวจพานะพีมาส่ง หลังจากเหตุการณ์สงบลง หนูตุ่นเริ่มงานสร้างส้วมโรงเรียนตกเย็นหลังเลิกงานก็แยกย้ายกันกลับบ้าน หนูตุ่น นะพี คอดีเยาะ ได้พบกับการีม เป็นสมุนโจรที่ถูกตามล่า การีมของความช่วยเหลือจากหนูตุ่น และขออย่าให้บอกตำรวจหนูตุ่นจำเป็นต้องช่วยเหลือการีมเพราะเห็นแก่มนุษยธรรม และตั้งใจว่าจะแจ้งให้ตำรวจทราบในภายหลัง การีมเล่าอดีตของเขาให้เธอฟัง เขาเป็นไทยพุทธชื่อศักดิ์สิทธิ์ ขณะที่เล่าเรื่องสุไลมานกับพวกตามมาพบ และจับตัวการีมกับหนูตุ่นไป ส่วนนะพีหลบอยู่ใต้แคร่จึงลอดไปได้ สุไลมานจะฆ่าการีมกับหนูตุ่นที่ชายน้ำ การีมให้เธอดำน้ำหนีไป พอดีกับที่ตำรวจล้อมจับและช่วยศุภราไว้ได้ หลังจากเหตุการณ์สงบ เข้มต่อว่าหนูตุ่นเรื่องทำเกินหน้าที่ให้ความช่วยเหลือสมุนโจร หนูตุ่นเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและเจ็บใจที่เข้มต่อว่าเธออย่างรุนแรง แต่เธอมิได้รู้ว่าหลังจากเข้มส่งเธอถึงหมู่บ้านแล้ว ก็ยังเฝ้าดูอยู่อย่างห่วงใย หลังจากเหตุการณ์ผ่านไป 3 วัน ศุภราเตรียมเก็บของเพราะคิดว่าตำรวจจะต้องรายงานให้หัวหน้าศูนย์ฯทราบถึงการกระทำของเธอ และคงจะต้องถูกคำสั่งย้ายอย่างแน่นอน แต่เมื่อเหตุการณ์ผ่านไปหลายวัน ทุกอย่างก็กลับเป็นปกติ ศุภราจึงทำงานของเธอต่อไป โดยมีมัยมูเนาะ ครูคนใหม่เป็นผู้ช่วย วีรุทย์มาเยี่ยมเธอและเล่าถึงเหตุการณ์ที่หนังสือพิมพ์ลงเรื่องสมุนโจรกลับใจเข้ามอบตัวและเข้มได้รับการเลื่อนยศจากการปราบปรามโจร ศุภราจึงได้รู้ว่าศักดิ์สิทธิ์หรือการีมยังไม่ตาย โดยไม่มีใครกล่าวถึงแม้แต่วีรุทย์ก็ยังไม่รู้ ตัวเขาชอบพอมูเนาะ จึงไปมาหาสู่งปุลากงบ่อยขึ้น ศักดิ์สิทธิ์กลับมาขออยู่ที่ปุลากง โดยพักอาศัยอยู่ที่บ้านครูใหญ่ เข้มได้พบกับวีรุทย์และมูเนาะ จึงได้รู้เรื่องความเป็นไปที่ปุลากง เรื่องที่ศักดิ์สิทธิ์กลับมาจากพบพ่อที่ภูเก็ตแล้ว แม้พ่อจะยกมรดกให้ แต่เขากลับปฏิเสธและขอกลับมาอยู่ที่ปุลากง ยิ่งเมื่อได้รู้ว่าศักดิ์สิทธิ์ชวนศุภราไปภูเก็ต และอยากให้อยู่สอนหนังสือที่ภูเก็ต เข้มถึงกับรีบเข้าปุลากงทันที โดยที่เข้มเองก็ไม่เข้าใจความรู้สึกตนเองว่าเพราะเหตุใดจะต้องสบายใจเมื่อรู้ว่า วีรุทย์มิได้เป็นคนรักของ ศุภรา อย่างที่ใครๆเข้าใจกันมาโดยตลอด เมื่อมาถึงปุลากง เข้มเตือนศุภราเรื่องให้ระวังศักดิ์สิทธิ์ และบอกให้เธอรู้ว่าศักดิ์สิทธิ์นั้นรักเธอ คืนนั้นเข้มขอค้างที่บ้านครูใหญ่ด้วยเพราะเย็นมากแล้ว เข้มเป็นไข้ ศุภราจึงนำยาและผ้าห่มมาให้ เขานึกถึงความรู้สึกที่มีต่อศุภรา แต่ด้วยความผูกพันที่มีต่อแม่ทำให้ความทุกข์ทางใจของแม่มีอิทธิพลเป็นแผลเกาะกินใจเขาตลอดเวลา ทั้งนี้เป็นผลการกระทำอันคาดไม่ถึงของผู้ใหญ่ รุ่งเช้าวีรุทย์กลับมาเล่าถึงความสัมพันธ์ของตนกับ มูเนาะ ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่คือเรื่องศาสนา และตัวเขาเองกำลังจะย้ายไปเป็นพัฒนากรในท้องถิ่นที่มี ผกค. ( ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ ) จึงขอฝากให้ศุภราดูแล มูเนาะให้ ศักดิ์สิทธิ์กลับมาจากอำเภอส่งข่าวเรื่องทุนของนะพี และมอบบัตรเชิญร่วมงานชาวชมรมธรรมศาสตร์ปัตตานีให้ศุภรา ศักดิ์สิทธิ์ทวงถามเรื่องอยากให้ศุภราไปเที่ยวบ้านที่ภูเก็ต เธอจึงรับปากหากว่าวีรุทย์และ มูเนาะจะไปด้วย เด็กๆจัดงานเลี้ยงส่งนะพีที่จะได้เข้าไปเรียนในจังหวัด ขณะช่วยเด็กๆแล่เนื้อเพื่อย่าง ศุภราถูกตัวต่อกัด แต่เธอก็ยังคงสอนหนังสือตามปกติ จนเกิดอาการปวดกำเริบมากขึ้นจนเป็นไข้ ศักดิ์สิทธิ์ทำหน้าที่พยาบาลอย่างห่วงใย จนรุ่งเช้าครูใหญ่จึงไปตามหมอพร้อมกับแขกติดตามมาด้วยคือเข้ม ซึ่งเมื่อเห็นศักดิ์สิทธิ์พยาบาลศุภราความไม่พอใจก็เพิ่มมากขึ้น และเขาก็ได้เห็นว่าชาวบ้านนั้นรักและห่วงใย ศุภรามากแค่ไหน ในวันงานหนูตุ่นได้พบกับเข้ม เขาถามถึงเรื่องไปภูเก็ตและบอกว่าไม่เหมาะสมไม่อยากให้เธอไป แต่เธอกลับมองว่าเข้มมองศักดิ์สิทธิ์ในแง่ร้ายเกินไป พร้อมว่าเข้มเรื่องการทำงานหนักจนไม่มีเวลาเป็นของตัวเอง เป็นคนที่เคยมีเรื่องทรมานทางด้านความรู้สึกทำเพื่อชดเชยอะไรบางอย่าง คำพูดของเธอทำให้เข้มโกรธเพราะไปสะกิดแผลในใจของเขา ศกรได้รับคำสั่งให้ปฏิบัติงานลับร่วมกับตำรวจมาเลเซีย โดยทางราชการออกเป็นคำสั่งด่วนและกระจายข่าวว่า ศกรจะย้ายเข้ากรุงเทพฯ ก่อนรับคำสั่งเข้มรีบไปปุลากง เพื่อลาหนูตุ่น แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อหนูตุ่นยังไม่กลับจากภูเก็ต เขาเสียใจที่เข้าใจความรู้สึกของตนเองช้าไป เขาอาจจะไม่มีโอกาสได้บอกกับ ศุภราอีกก็ได้ เมื่อเธอกลับมาถึงปุลากงตอนเย็น จึงได้ทราบข่าวนี้จากครูใหญ่ว่าเข้มฝากมาลา ส่วนวีรุทย์ก็ได้รับคำสั่งให้ไปปฏิบัติงานเป็นอาสาสมัครชุดคุ้มครองหมู่บ้านในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ วีรุทย์ เขียนจดหมายฝาก มูเนาะและลูกในท้องไว้กับ ศุภรา พร้อมสัญญาว่าจะกลับมาแต่งงานให้เรียบร้อย วีรุทย์จากไปเดือนกว่าๆ ระยะแรกก็มีจดหมายมาเสมอ แต่ระยะหลังๆ ข่าววีรุทย์หายไป มูเนาะทุกข์ใจมาก ครูใหญ่นำหนังสือพิมพ์เพื่อจะมาไว้ที่ห้องสมุดในศูนย์พัฒนาตำบลมาให้ศุภรา ทำให้ได้รู้ข่าววีรุทย์ตายจากการต่อสู้กับผู้ก่อการร้ายที่ลอบโจมตี มูเนาะเสียสติจากข่าวนั้น ในที่สุดมูเนาะก็เห็นภาพหลอนว่าวีรุทย์มาเรียกให้ตามไป จึงเดินลุยน้ำจนจมน้ำถึงแก่ความตาย คอดีเยาะได้เข้ามาเรียนที่จังหวัด ส่วนศุภราอยู่ต่อจนครบ 2 ปีก็ถูกเรียกตัวเข้ากรุงเทพฯ หนูตุ่นเข้ามารับตำแหน่งใหม่ในกองวิชาการ มีจิตรีเพื่อนสนิทเป็นผู้จัดการเรื่องบ้านจนเรียบร้อย คุณปุ้มแวะมาเยี่ยมเธอและถามถึงเข้ม หนูตุ่นจึงได้รู้ว่าเข้มยังไม่ได้กลับกรุงเทพฯตามที่ทราบมา หนูตุ่นได้รับคำชวนจากเพื่อนให้ไปเยี่ยมอาสาสมัครที่ได้รับบาดเจ็บจากการสู้รบ จึงได้รู้ว่าเข้ม ( พันตำรวจตรีศกร ) บาดเจ็บสาหัส มาจากหน่วยปฏิบัติการร่วมพิเศษที่ชายแดนภาคใต้ และผู้เจ็บไม่ประสงค์จะแจ้งให้ทางบ้านทราบ หนูตุ่นมาเยี่ยมเข้มหลายครั้งแต่เขาหลับ จึงฝากบอกวิมลพยาบาลพิเศษไว้ อีกสองอาทิตย์เข้มอาการดีขึ้นจนสามารถกลับบ้านได้ วิมลตามกลับไปพยาบาลดูแลถึงบ้าน เมื่อหนูตุ่นกลับจากราชการต่างจังหวัด เข้มก็มาหาถามเรื่องไปภูเก็ตกับศักดิ์สิทธิ์ และบอกเธอว่าเขาไปราชการลับ แต่ไม่พบจึงไม่ได้พบกันเลยเป็นปี เข้มชวนหนูตุ่นไปทานข้าวที่บ้าน ได้พบวิมลซึ่งอาสาทำอาหารกับมารดาของเข้มอย่างสนิทสนม หนูตุ่นจึงตั้งใจจะไม่ไปทานข้าวที่บ้านของเขาอีก ศุภราเล่าเรื่องความในใจที่มีต่อเข้มให้จิตรีฟัง และพยายามกลับบ้านค่ำโดยแวะกินข้าวกับจิตรี แต่เธอก็ทราบความเป็นไปของเข้มเพราะพบกับคุณปุ้มทุกเช้า คุณปุ้มว่าเข้มจะแต่งงานกับวิมล ศุภราเห็นว่าถึงเวลาที่เธอจะต้องทำใจให้สงบ เพื่อนๆแนะนำให้เธอรับทุนไปต่างประเทศ แต่เธอก็ไม่ชอบ จึงขอออกต่างจังหวัดแทน เข้มได้รับคำสั่งให้ไปราชการลับต่างประเทศ 1 เดือน ทั้งพี่และพ่อต่างสงสัยเรื่องงานแต่งงานของเข้ม นางแพงศรีจึงถาม เข้มจึงบอกความรู้สึกที่มีต่อหนูตุ่น แม่จึงบอกให้เขาจัดการเรื่องหัวใจของตัวเองให้เรียบร้อยก่อนที่จะสายเกินไป เข้มรู้จากคุณปุ้มว่าหนูตุ่นไปอบรมพัฒนาการที่ปัตตานี 3 เดือน จึงลางานและเดินทางไปหาเธอเพื่อบอกความในใจก่อนที่จะเดินทางไปต่างประเทศ เมื่อถึงปัตตานีเข้มพบเพื่อน ซึ่งอาสาให้ขอยืมรถใช้ เข้มรู้จากศูนย์พัฒนาว่า วันหยุดศุภราจะไปอยู่ที่ปุลากง เขาจึงรีบตามไปพบเธอที่นั่น สร้างความประหลาดใจให้กับเธอยิ่งนัก เข้มบอกว่ามาลา และมีธุระจะคุยด้วย ขอให้ ศุภราเข้าเมืองไปด้วยกัน ระหว่างทางรถเกิดเสีย และเป็นเวลามืดแล้ว ศุภราเห็นกลุ่มคนเดินมาทั้งสองจึงทิ้งรถและหลบเข้าป่าข้างทาง คนกลุ่มนั้นยิงรถหลายนัดก่อนจะออกค้นหาคน แต่ไม่พบจึงเดินจากไป เข้มและศุภราจึงหลบอยู่ที่นั่น เขาบอกความในใจของตนต่อศุภราและขอเธอแต่งงานด้วย โดยที่ทั้งสองตั้งใจจะทำงานเพื่ออุดมคติ อย่างน้อยชีวิตหนึ่งที่เกิดมาเป็นคน ก็ได้ทำประโยชน์เพื่อเพื่อนร่วมชาติร่วมโลกที่ใฝ่หาสันติและเสรีภาพ แม้ชื่อของเขาจะไม่เป็นที่รู้จักของใครก็ตาม ...

2 ความคิดเห็น: